Wednesday, February 27, 2013

วันที่ 4 ยังคงเจ็บอยู่เล็กน้อย


Total distance: 3.52 km (2.2 mi)
Total time: 35:46
Moving time: 35:04
Average speed: 5.90 km/h (3.7 mi/h)
Average moving speed: 6.02 km/h (3.7 mi/h)
Max speed: 6.65 km/h (4.1 mi/h)
Average pace: 10.17 min/km (16.4 min/mi)
Average moving pace: 9.96 min/km (16.0 min/mi)

 วันนี้อาการเจ็บหน้าแข้งยังไม่หายเลฃต้องเดินระยะทางสั้นๆ และไม่เร็วมาก แค่เดินให้เร็วกว่าปกตินิดหน่อย ไม่ทราบว่าจะต้องใช้เวลานานแค่ไหนอาการเจ็บหน้าแข้งจึงจะหายเบื้องต้น พอที่จะประมาณได้ว่าถ้าเดินด้วยความเร็วประมาณ 5 กม.ต่อชม.อาการเจ็บหน้าแข้งจะไม่เกิดขึ้นช่วงนี้ก็คงต้องรอให้ร่างกายปรับตัวเองไปฝืนไม่ได้จะเจ็บหนัก หากใครจะเริ่มเดิน ในอายุประมาณ 50 ปีขึ้นไปก็ขอแนะนำว่าอย่าเดินเร็วเกิน 5 กม.ต่อ ชม.ในช่วงเดือนแรกอาจเกิดอาการแบบนี้ได้

Tuesday, February 26, 2013

ปลาทูนึ่ง

ปลาทูนึ่ง
   ที่เราเรียกกันว่าปลาทูนึ่ง แต่กรรมวิธีการทำกลับไม่ใช่การนึ่ง กลายเป็นการต้มหรือลวก โดยบรรจุปลาทูที่ทำความสะอาดควักใส้ออก ใส่เข่งไม่ไผ่ จากนั้นนำเข่งเรียงลงในกระชุจนเต็ม แล้วนำกระชุปลาลงไปแช่ในกระทะใบบัวก้นลึก ที่มีน้ำเกลือต้มเดือดปุดๆ ด้วยไฟอ่อน แช่ไว้สักประมาณ 3-5 นาที  ก็ยกขึ้นได้ ต้องกะเวลาให้พอดี ถ้าแช่นานเกินไปเนื้อปลาจะแตกไม่น่ากินและก่อนจะยกกระชุปลาขึ้น จะต้องตักน้ำเกลือราดบนเข่งปลาทูอีกครั้งเพื่อให้ความชุ่มของเนื้อปลาทูยังคงอยู่ ปลาทูไม่ติดกับเข่ง
     
     การเลือกซื้อปลาทูนึ่ง ให้เลือกดูปลา ตัวอวบอ้วน เนื้อนุ่มแน่น ไม่เละ ท้องและหนังปลาไม่ถลอก ขอบตาไม่แดงหรือ เหลือง มีกลิ่นหอม เพราะปลาทูที่ต้มสุกใหม่ ๆ จะมีกลิ่นหอมน่ากิน

Monday, February 25, 2013

วันที่ 3 เดินแล้วเจ็บหน้าแข้ง


Total distance: 3.87 km (2.4 mi)
Total time: 36:17
Moving time: 35:49
Average speed: 6.39 km/h (4.0 mi/h)
Average moving speed: 6.48 km/h (4.0 mi/h)
Max speed: 10.14 km/h (6.3 mi/h)
Average pace: 9.38 min/km (15.1 min/mi)
Average moving pace: 9.26 min/km (14.9 min/mi)

 วันที่ 3 เดินแล้วเจ็บหน้าแข้ง
 วันนี้ตั้งใจว่าจะเพิ่มความเร็วในการเดินขึ้นแต่ปรากฏว่ามีปัญหาเล็กน้อยเกี่ยวกับกล้ามเนื้อบริเวณหน้าแข้งรู้สึกเจ็บคิดว่าเกิดจากการไม่ได้ออกกำลังมานานกล้ามเนื้อเลยอ่อนแอ คงต้องหาวิธีแก้ไขต่อไป พรุ่งนี้พักดูอาการ

Friday, February 22, 2013

วันพักขามาทรมารแขน

                   วันพักขามาทรมารแขน

   วันนี้เป็นวันพักผ่อนอีกวันเพื่อเปิดโอกาสให้ร่างกายซ่อมแซมตัวมันเองแต่ เมื่อผมพิจารณาอวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกายแล้วพบว่า ส่วนที่ได้รับความลำบากลำบนจากผลการเดินทางของวันที่ผ่านมาประกอบไปด้วยช่วงล่างล้วน ๆ อาทิเช่นต้นขาทั้งด้านหน้าและด้านหลัง , ปลีน่องและหน้าแข้ง มีอาการปวดตึงแต่ร่างกายส่วบบนไม่มีปัญหาอะไรปกติดี คิดแล้วก็ไมีควรปล่อยเวลาให้เสียเปล่าเอาว่าวันพักขามาออก กำลังแขนดีกว่า การออกกำลังแขนดีและประหยัดที่สุด ก็คงไม่พ้นยกตุ้มเหล็ก วันนี้ขอสัก 3 เซ็ตเป็นการอุ่นเครื่อง

วันที่สองของการเดินทาง


               วันที่สองของการเดินทาง

วานนี้หยุดเดินเพื่อพักผ่อน หนึ่งวัน มีอาการปวดขาเล็กน้อยต่อเนื่องมาจนถึงวันนี้แต่ก็ต้องออกเดินเพื่อให้เกิดความเคยชินแต่ระยะทางอาจลดลงเล็กน้อยโดยมีหลักการว่าเดินจนหมดแรงได้เท่าไรเอาเท่านั้น ผลปรากฎว่าเดินได้น้อยกว่าที่ตั้งใจและทำเวลาได้ไม่ดีนักเพราะมีอาการปวดขาต่อเนื่องมาจากวันก่อน และพรุ่งนี้ก็เป็นวันพักผ่อนเพื่อฟื้นฟูสภาพ



Recorded: 21/02/2013 17:42

Total distance: 6.74 km (4.2 mi)

Total time: 1:10:08

Moving time: 1:09:19

Average speed: 5.77 km/h (3.6 mi/h)

Average moving speed: 5.83 km/h (3.6 mi/h)

Max speed: 9.24 km/h (5.7 mi/h)

Average pace: 10.40 min/km (16.7 min/mi)

Average moving pace: 10.28 min/km (16.5 min/mi)

ข้อมูลสำคัญและวันแรก ของการเดินทาง


      ข้อมูลสำคัญและวันแรก ของการเดินทาง

เมื่ออายุมากขึ้นการออกกำลังกายก็น้อยลง อวัยวะต่างๆ เริ่มทำงานไม่ปกติ เส้นเอ็นไม่ยืดหยุ่นเหมือนก่อนโรคภัยไข้เจ็บก็ถามหา

  มาถึงวันนี้อายุเข้าสู้เลข 50 แล้วร่างกายแย่ลงทุกทีก็เลยจำเป็นต้องดูแลตัวเอง อาศัยว่าสมัยเรียนเคยวิ่งช่วงเย็นเป็นประจำเกือบทุกวันแต่ไม่ได้เอาจริงเอาจังอะไรเป็นการวิ่งเพื่อสุขภาพแต่เมื่อทำงานและแต่งงานมีภาระกิจมากขึ้นและหาสถานที่วิ่งออกกำลังยากก็เลยหยุดวิ่งเป็นการถาวรนับมาถึงปัจจุบันก็ 26 ปีแล้วที่ไม่ได้วิ่ง มาวันนี้ภาระน้อยลงและปัญหาสุขภาพมากขึ้นก็ ถึงคราวที่ต้องกลับมาดูแลตัวเองอีกครั้งหนึ่งแม้จะสายไปบ้างแต่ก็ดีกว่าไม่ทำอะไร และอาจเป็นกำลังใจให้คนอื่น ๆ หันมาดูแลตัวเองบ้างเลยจัดโปรแกรมการออกกำลังกายให้กับตัวเอง ซึ่งหาใครจะนำไปปรับใช้ก็จะเกิดประโยชน์กับตัวเองได้ แล้วเราจะมาดูกันว่า อีก 1 ปีข้างหน้าจะมีอะไรเปลียนไปในทางที่ดีขึ้นบ้าง


   ข้อมูลเบื้องต้นก่อนจะเริ่มออกกำลังกายของผม


  1. อายุ 50 ปี

  2. ความดันและชีพจร ปกติ

  3. มีอาการแพ้อากาศบ่อยมาก (เจ็บคอ,มีกลิ่นปาก,เป็นหวัดตลอดปี)

  4. มีอาการไหล่ติดขนาด เอื้อมมือเกาหลังไม่ได้

  5. เดินขึ้นบันได 4 ชั้นมีอาการเหนื่อยหอบ

  6.ส่วนสูง 162 ซม. น้ำหนัก 60 กก.

  วันนี้ เป็นวันแรกที่เดิน ตั้งเป้าว่าจะเดินเร็วสัก 5 กม.(ประมาณว่าเดินจนหมดแรง)โดยไม่วิ่งเลยเพราะกลัวว่าจะบาดเจ็บผลปรากฏว่าวันนี้ทำได้ดีเกินคาดตามข้อมูลดังนี้

แผนฝึกวิ่งสำหรับผมผู้ที่ไม่เคยวิ่งจริงจัง


      แผนฝึกวิ่งของผม

 26 ปีมาแล้วนับตั้งแต่เรียนหนังสือจบมา      ก็ไม่เคยมีกิจกรรมออกกำลังกายใดๆอีกเลย การที่จะมาวิ่งออกกำลังกายครั้งนี้ถือได้ว่า เป็นสร้างภาระให้เกิดกับกล้ามเนื้อ , กระดูก , เอ็นและข้อต่อ ฯลฯ  ทั่วร่างกาย  แม้ว่าจะเป็นการวิ่งที่ช้า เบาและน้อยกว่านักกีฬาก็ตาม เพราะเป็นของใหม่ร่างกายเรายังไม่เคยชิน ดังนั้นจะเอาอะไรมาเป็นบรรทัดฐานของนักวิ่งหน้าใหม่อย่างผมคงจะยากเพราะสภาพความสมบูรณ์เบื้องต้นของแต่ละคนไม่เท่ากัน  ดังนั้น  การร่างแผนโปรแกรมฝึกของผมจึงไม่ได้อ้างอิงตารางฝึกของใครเป็นการเขียนขึ้นจากการประเมินสุขภาพเบื้องต้นของผมเองหลังจากการได้ ฝึกเดินมาแล้ว 2 ครั้งโดยอาศัยหลักการ การเพิ่มน้ำหนักในการฝึกและพักผ่อนให้สอดคล้องกับสมรรถนะของผมเองดังนี้
 
    การเตรียมร่างกายและจิตใจ

  ในช่วง 2 สัปดาห์แรกผมจะไม่วิ่งเลยแต่จะใช้วิธีการเดินเพื่อปรับสภาพร่างกายให้พร้อมก่อน เป็นการเตือน ระบบบประสาท,กล้ามเนื้อ , กระดูก , เอ็น,ข้อต่อ ฯลฯ  ทั่วร่างกายและ นาฬิกาชิวิตของผมให้ทราบว่าจะต้องมีกิจกรรมการออกกำลังกายแล้วนะ และการเดินเป็นกิจกรรมที่ไม่หนักมากสามารถเดินได้เป็นระยะทางใกลๆแม้จะใช้เวลามากแต่ก็เป็นกำลังใจให้ตัวเองเป็นอย่างดี

   การเริ่มต้นหัดวิ่ง

 ในสัปดาห์ที่ 3 ถึง สัปดาห์ที่ 12  เป็นการเริ่มต้นการวิ่งเปรียบเสมือนเด็กหัดวิ่งโดยเริ่มจากลักษณะท่าทางการวิ่ง การหายใจซึ่งในขั้นนี้ผมจะไม่เน้นหนักเรื่องความเร็วแต่จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของการเคลื่อนไหวของร่างกายและระบบหายใจเพื่อต้องการพื้นฐานที่ถูกต้องและป้องกันการบาดเจ็บในอนาคต

  การวิ่งเพื่อสร้างกล้ามเนื้อและความอดทน

 หลังจากสัปดาห์ที่ 12  ไปแล้วผมก็คิดว่าเป็นเวลาของการวิ่งจริงๆ ของผมแล้วละ หลังจากนี้ไปการวิ่งของผมจะเป็นการเพิ่มสมรรถนะในการวิ่งเพื่อสุขภาพความแข็งแรง ตลอดจนหากคึกขึ้นมาก็คงพอที่จะฟิตซ้อมเตรียมเข้าร่วมงานเดินวิ่งเพื่อการกุศลต่าง ๆได้บ้าง  แล้วคอยตามดูว่าผมจะทำได้หรือเกิดการท้อจนล้มเลิกไปกลางคันเสียก่อน ช่วยเป็นกำลังใจและเป็นเพื่อนหัดวิ่งไปกับผมด้วยนะครับ

ฉันเอง(About me)


  เรื่องของผม

  ผมดูจะเป็นคนเฉื่อยๆเนื่อย ๆไปเรื่อย และมีระบบความจำน้อยจะซื้อหามาใส่เพิ่มก็ไม่ได้ ไม่ชอบเข้าสังคม มีความสุขกับชิวิตอันสันโดษไปวัน ๆ ไม่ได้ปรารถนาที่จะฉลาดเลิศล้ำหรือร่ำรวยมากขอเพียงไม่เจ็บไข้ร่างกายแข็งแรงมี อาหารครบมื้อ ก็พอแล้ว คุณอาจพบเห็นชายสูงวัยที่ดูเซ่อซ่าขี้หลงขี้ลืมแต่ไม่ทุกข์ร้อนกับชีวิต ได้ตามที่ต่างๆมากมาย หนึ่งในนั้นแหละ คือผมเอง

  ทีเขียนเรื่องราวต่างๆใน Blog เพราะอยากเขียนอะไรไว้บ้างกันลืม ก็อย่างที่เขียนไปแล้วว่าผมมีหน่วยความจำน้อย แถมประมวลผลช้า ก็ขอบันทึกให้รู้ว่าคนที่ผ่านยุคเจาะบัตร และ Dos บน หน่วยประมวลผลรุ่น 286 ก็ยังมีอยู่ในสังคม